โรคสะเก็ดเงินเป็นได้จากหลายปัจจัย

โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง พบได้ประมาณร้อยละ 1-2 ของประชากร โดยสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัยและทุกประเทศ ถึงแม้โรคสะเก็ดเงินจะไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต แต่มักจะมีผลต่อสภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของผู้ป่วย ณ ปัจจุบัน โรคสะเก็ดเงินไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะทางผิวหนัง แต่อาจพบมีสัมพันธ์กับโรคอื่นๆได้แก่ โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน และกลุ่ม metabolic syndrome ได้แก่ โรคอ้วน ภาวะไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน เป็นต้น

เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาที่จะทำให้หายขาดจากโรค การรักษาจึงมุ่งไปที่การทำให้ผื่นของโรคดีขึ้นหรือสงบลง พร้อมกับป้องกันไม่ให้กำเริบ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น การติดเชื้อ การได้รับอันตรายของผิวหนัง ยาบางชนิด และความเครียดต่างๆ เป็นต้น

ขั้นตอนการรักษา
ในปัจจุบัน มีทั้งยาทาและยารับประทานที่ได้ผลดีในการรักษา ซึ่งแต่ละชนิดมีผลดีและผลเสียที่ต่างกัน การเลือกให้การรักษาจำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายประการ เช่น ตำแหน่งของผื่น ความระคายเคืองของยา เศรษฐฐานะของผู้ป่วยเทียบกับค่าใช้จ่ายในการรักษา และความสะดวกของผู้ป่วยที่จะมารับการรักษา เป็นต้น

สะเก็ดเงินความรุนแรงน้อย หมายถึง ผื่นน้อยกว่า 10% ของพื้นที่ผิวทั่วร่างกาย (ผื่นขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือเท่ากับพื้นที่ประมาณ1%) ควรได้รับการรักษาโดยใช้ยาทาเป็นอันดับแรก เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียที่อาจเกิดจากยารับประทาน

สะเก็ดเงินความรุนแรงมาก หมายถึง ผื่นมากกว่า10% ของพื้นที่ผิวทั่วร่างกาย พิจารณาให้การรักษาโดยใช้ยารับประทานหรือฉายแสงอาทิตย์เทียม หรืออาจใช้ร่วมกันระหว่างยารับประทานหรือฉายแสงอาทิตย์เทียมและยาทา

การรักษาด้วยยาทา
ในปัจจุบันมียาทาที่ได้ผลดีในการรักษาเป็นจำนวนมากให้เลือกใช้ ซึ่งยาแต่ละชนิดมีผลดีและผลเสียต่างกัน ได้แก่

ยาทาภายนอก ยาทารักษา สะเก็ดเงิน มีหลายชนิด ได้แก่
ยาทาคอติโคสเตียรอยด์ (topical corticosteroids) เป็นยาที่แพทย์ทั่วไปนิยมใช้รักษาโรคสะเก็ดเงินมากที่สุด เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการรักษาสูง ได้ผลเร็ว สะดวกในการใช้ ราคาไม่แพงนัก และไม่ระคายเคือง ถ้าใช้ในระยะสั้นมักจะไม่เกิดผลเสียที่รุนแรง ยาทาคอติโคสเตียรอยด์มีความแรงของยาตั้งแต่น้อยไปถึงมาก หากใช้ชนิดแรงติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดผลเสียได้หลายประการ เช่น ผิวหนังฝ่อ หลอดเลือดขยายตัว ผิวแตก ผิวขาว รวมถึงอาจเกิดการดื้อยา และอาจกดการทำงานของต่อมหมวกไตได้ ดังนั้นการใช้ยาดังกล่าวควรจะใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้นไม่ควรซื้อใช้เอง
– น้ำมันดิน (tar) มีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังที่ผิดปกติ ประสิทธิภาพดี ให้ผลการรักษาใกล้เคียงกับยาทาคอติโคสเตียรอยด์ แต่น้ำมันดินมีสีน้ำตาล กลิ่นเหม็น และเวลาทาอาจทำให้เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าได้ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม และน้ำมันดินอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ จึงไม่ควรใช้ทาบริเวณใบหน้า ข้อพับ และอวัยวะเพศ
– อนุพันธ์วิตามิน ดี (calcipotriol) มีฤทธิ์ทำให้การแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังกลับสู่ปกติ ให้ผลการรักษาดี รวดเร็วพอๆ กับยาทาคอติโคสเตียรอยด์ความแรงระดับกลาง แต่ไม่มีผลเสียเหมือนยาทาคอติโคสเตียรอยด์ และไม่มีสีหรือกลิ่นเหมือนน้ำมันดิน ข้อเสียของยานี้คือราคาแพง และหากทาบริเวณผิวหนังที่บาง อาจมีการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ทาบริเวณใบหน้า ข้อพับ และอวัยวะเพศ ปัจจุบันมียาทาที่ผสมระหว่างอนุพันธ์วิตามิน ดี และยาทาคอติโคสเตียรอยด์เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียง

แม้ว่า โรคสะเก็ดเงิน จะเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด แต่เราก็สามารถอยู่ร่วมกับโรคสะเก็ดเงินโดยมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ด้วยการมาพบแพทย์เป็นประจำทายาสม่ำเสมอ ไม่แคะแกะเกา รวมถึงไม่สูบบุหรี่ไม่ดื่มเหล้า และไม่เครียดจนเกินไป