5 เหตุผล ว่าทำไมภาพถึงสำคัญต่อการทำ Content ในการทำ SEO

การทำ Content นั้นเป็นเรื่องสามัญอย่างมากในตอนนี้ แต่สิ่งที่ช่วยทำให้ Content นั้นโดนเด่นขึ้นมาก็คือการที่มีภาพประกอบที่ช่วยทำให้ผู้อ่าน Content นั้น ๆ สามารถรับรู้อารมณ์หรือเรื่องราวที่กำลังถ่ายทอดได้อย่างมาก ซึ่งการมีภาพประกอบที่ดีต่อเนื้อหานั้นจะช่วยสร้าง Traffic ต่าง ๆ หรือดึงดูดให้คนอ่านเนื้อหานั้นเพิ่มมากขึ้นได้อย่างมาก นอกจากการที่จะใช้วิธีการทางการตลาดในการมาโปรโมทเนื้อหาต่าง ๆ ไป

สำหรับการทำ Content นั้นหลาย ๆ คนที่ทำมักจะให้ความสนใจลงไปที่การทำเนื้อหาให้น่าสนใจเป็นอย่างแรก ๆ ในการทำงาน แต่การทำ Content ที่ดีนั้นต้องเข้าใจถึงกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายของ Content นั้นด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็การจัดวางภาพต่าง ๆ และการเลือกใช้ภาพ เช่นเดียวกับการทำนิตยสาร หรือหนังสือ ที่ภาพมีส่วนช่วยอย่างมากในความน่าอ่านของหนังสือเล่มนั้น ๆ หรือทำให้หนังสือเล่มนั้นขายออกไปได้ ทั้งนี้นี่คือสิ่งที่คนทำ Content ควสรจะใส่ใจในการทำงานในการเลือกภาพประกอบหรือการใช้ภาพมาเสริมเนื้อหาตัวเอง ซึ่งวันนี้เราจะมารู้จัก 5 ข้อดีว่าภาพนั้นช่วยให้ Content นั้นดีขึ้นอย่างไร

1. ภาพช่วยสร้าง Conversion : จากการเก็บข้อมูลของ crowdriff.com ระบุว่าผู้บริโภคนั้นจะตัดสินธุรกิจด้วยการดูภาพกว่า 60% ทำไมถึงมีอัตราตัวเลขเป็นเช่นนี้ นั้นก็เพราะว่าด้วยหลักการทางจิตวิทยาของมนุษย์นั้นการมองเห็นภาพสามารถสื่อสารได้มากกว่าข้อความ สามารถถูกกระตุ้นได้โดยภาพต่าง ๆ แล้วเกิดการเปลี่ยนมาสนใจจนถึงซื้อของได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ภาพนั้นจะประทับเข้าความทรงจำไปตลอด หรือทำให้เรารู้สึกสบายใจ อึดอัดและอื่น ๆ ได้มากมาย การทำเว็บที่เข้าใจความรู้สึกของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บและอ่านเนื้อหาว่าต้องรู้สึกอย่างไรนั้นจะช่วยดึงเนื้อหานั้นให้เกิดการกระจายผ่านผู้อ่านได้มากขึ้นไปอีก ดังนั้นการเลือกภาพที่ตรงกับความรู้สึก มีความเฉพาะกับเรื่องราวที่นำเสนอจะช่วยส่งเสริมเรื่องราวได้อีกมากมาย

2. ทำให้สิ่งที่กำลังสื่อถึงมีชีวิตขึ้นมา : การเล่าเรื่องนั้นสามารถก่อเกิดพลังในการกระตุ้นอารมณ์ และ ขับดันการกระทำของผู้บริโภคได้อย่างมาก สิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้เรื่องราวที่เล่านั้นมีชีวิตขึ้นมาได้หรือทำให้เข้าใจได้คือภาพนั้นเอง การมีภาพประกอบนั้นจะทำให้เนื้อหาที่เป็นตัวหนังสือนั้นกลายมามีชีวิตจริง ๆ บนภาพได้ ช่วยเสริมสร้างขิตนาการของผู้อ่านให้เข้าถึงห้วงของอารมณ์มากยิ่งขึ้นไปอีก การมีภาพประกอบที่ดีจะช่วยเสริมเรื่องราวต่าง ๆ ให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก และทำให้ผู้อ่านเติมเต็มจินตนาการของเนื้อหานั้นเพิ่มเติมได้ด้วย นอกจากนี้เอาเข้าจริงแล้วคนนั้นอ่านเนื้อหาเพียง 20% ของเนื้อหาทั้งหมด และทำความเข้าใจผ่านรูปประกอบเอา

3. ภาพช่วย SEO : หลาย ๆ คนไม่เคยรู้ว่าจริง ๆ แล้ว ภาพนั้นสำคัญต่อ SEO อย่างมาก เพราะในภาพนั้นมีชุดข้อมูลหนึ่งฝังเอาไว้อยู่ในภาพเรียกว่า Metadata ด้วยข้อมูลชุดนี้ทำให้ Google นั้นสามารถเข้ามาเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของ Content รวมทั้งเอาภาพนั้นเข้าไปประกอบด้วย ซึ่งนักการตลาดหลาย ๆ คนไม่ได้สนใจในเรื่องภาพนี้เลยไม่ได้ใส่ใจในการระบุข้อมูลภาพ หรือการตั้งชื่อที่จะส่งผลต่อ SEO อีกด้วย นอกจากนี้ในอนาคตที่จะมีการใช้ AI มากยิ่งขึ้น การมีภาพที่มีองค์ประกอบครบถ้วนที่นำเสนอตามเนื้อหาที่เขียนลงไปนั้นจะเป็นส่วนสำคัญ เพราะด้วย AI จะทำการจดจำและอ่านภาพนั้นว่ากำลังสื่อเรื่องอะไรอยู่ มาจับคู่กับเนื้อหาว่าตรงกับเนื้อหาหรือความสนใจของผู้บริโภคไหม แล้วนำเข้าไปจัดอันดับการค้นหา ซึ่งจะทำให้การมีภาพที่ดีมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนจะมีความจำเป็นขึ้นมาอีกมากมายเลยทีเดียว

4. ทำให้เกิดการกดที่เพิ่มมากขึ้นไปอีก : เมื่อทำ Content ขึ้นไปรวม ๆ กันอยู่บนหน้า Home สิ่งที่จะดึงดูดให้เกิดการกดเข้ามาอ่านเนื้อหาที่เราต้องการนั้นคือ ภาพประกอบที่เป็นเหมือน Thumpnail ขึ้นไป ซึ่งเปรียบได้กับ Teaser เพื่อดึงความสนใจจนเข้าไปดูหนังจริงนั้นเอง หรือใน Youtube ก็คือภาพวิดีโอที่จะดึงดูดให้เรากดเข้าไปดูวิดีโอจริง ๆ ขึ้นมา ทั้งนี้ภาพประกอบที่ดีหรือการหา thumpnail ประกอบเนื้อหาที่ดีจะส่งเสริมให้เกิดการกดเข้าไปอ่านเนื้อหามากขึ้น ยิ่งภาพนั้นน่าสนใจหรือตรงกับสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการก็จะทำให้เกิดความสนใจได้มากขึ้น เพราะจากการวิจัยของมหาวิทยาลัย MIT พบว่าสมองของคนนั้นสามารถจำแนกภาพได้ภายใน 13 milliseconds ซึ่งหากไม่ตรงใจคนก็จะเลื่อนผ่านไปทันที หากภาพนั้นดีก็จะกดเข้าไปให้ความสนใจ

5. ภาพดีเร่งการเติบโต Social Media : ในยุคนี้ที่ Social Media เป็นส่วนสำคัญของชีวิตผู้บริโภค และหลาย ๆ ธุรกิจก็เจริญเติบโตจาก Social Media ด้วยเช่นกัน ซึ่งแน่นอนการมีภาพนั้นก็เป็นส่วนประกอบของ Social Media ในยุคนี้ ดูตัวอย่างของการเติบโตของ Instagram ที่คนอยากแชร์เรื่องราวตัวเองผ่านภาพต่างๆ ออกมา และทำให้คนเชื่อมถึงกันกับความสนใจที่ถ่ายทอดออกมาจากภาพ และแบรนด์หรือนักการตลาดเองก็สามารถใช้ภาพเหล่านี้ในการสร้างแบรนด์ จนถึงขายสินค้าและบริการผ่านภาพพวกนี้ได้ ทำให้เกิดการเชื่อมต่อและเกิดการเติบโจของแบรนด์บน Social Media ไปด้วย

เทคนิครับถ่ายภาพสินค้าให้สวยปังโดนใจลูกค้า

หากว่าคุณกำลังเริ่มต้นทำความฝันให้เป็นจริงด้วยการเป้นเจ้าของกิจการเล็กๆ และมีสินค้าที่ต้องนำเสนอ หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทำให้คนรู้จักแบรนด์และสินค้าของคุณก็คือวิธีการนำเสนอ ทั้งเรื่องของคอนเทนและเรื่องของภาพถ่าย เพราะนั่นเป็นหน้าต่างบานแรกที่ลูกค้าจะเข้าถึงแบรนด์ของคุณ ในวันนี้เราเลยมาขอเอาใจทุกคนที่กำลังมองหาวิธีการถ่ายภาพสวยๆ เก๋ๆ ในการนำเสนอสินค้าให้ปังมาฝากกัน ลองไปดูเลย

1.พื้นขาวคลาสสิก
หนึ่งในวิธีการง่ายที่สุดเวลาจะนำเสนอสินค้า ให้โดนใจ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะก็คือใช้พื้นหลังสีขาว เพื่อทำให้สินค้าของคุณโดดเด่นที่สุด แถมยังดูแล้วมินิมอล สะอาดตาอีกด้วย

2.เลือกสตูดิโอ โลเคชั่นเก๋
หากว่าสินค้าของคุณต้องการองค์ประกอบต่างๆ ที่สำคัญ การเลือกสถานที่ในการ Production ก็สำคัญมากทีเดียว คุณอาจจะต้องมองหาสตูดิโอ สวยๆ เก๋ๆ ที่ให้เช่าพื้นที่สำหรับถ่ายภาพ คุณก็จะได้ภาพสินค้าที่ดูสวยงามแบบมืออาชีพเลยทีเดียว

3.โชว์การใช้งาน
อีกหนึ่งวิธีดึงดูดลูกค้าให้รู้จักแบรนด์คุณและรู้จักสินค้าของคุณได้ดียิ่งขึ้นก็คือการนำเสนอภาพถ่ายที่โชว์การใช้งานของสินค้า เช่น แบรนด์กระเป๋าก็สามารถถ่ายภาพที่มีนางแบบแต่งตัวเข้ากับสไตล์ของกระเป๋าคุณ เซ็ทฉากเก๋ๆ โทนสีโดนๆ ก็ทำให้ภาพสินค้าของคุณดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

4.ลองซูมดีเทล
นอกจากนี้การซูมดีเทลก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการนำเสนอภาพถ่ายสินค้าให้ดูเก๋ยิ่งขึ้นแถมยังโชว์ความประณีตในทุกๆ อณูของสินค้าคุณได้อีกด้วย

5.ใช้พร็อพเข้ามาเสริม
สำหรับเทคนิคสุดท้ายที่จะทำให้ภาพถ่ายสินค้าของคุณน่าสนใจ คือการเซ็ทองค์ประกอบด้วยการใช้พร็อพเข้ามาเสริมสินค้าของคุณให้โดดเด่น แต่ต้องระวัง อย่าใช้พร็อพเยอะจนเกินไป อาจทำให้ภาพถ่ายของคุณดูรกได้

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเทคนิคในการถ่ายภาพสำหรับเจ้าของแบรนด์หรือช่างภาพที่กำลังมองหาไอเดียการถ่ายรูปสินค้าปังๆ ให้โดนใจลูกค้า

ข้อควรรู้และระวังก่อนปูหญ้าเทียม

หญ้าเทียมผลิตจากพลาสติกโพลีเอทิลีนหรือโพลีโพรไพลีน มีการผสมสารยูวีป้องกันสีซีดจาง (UV Resistant) มีความปลอดภัยสูง จึงทนแดดและเหมาะกับการใช้งานภายนอกได้ดี ส่วนราคาขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และเกรดของหญ้าเทียม ถ้าเป็นหญ้าเกรดดีที่ทอแน่น ใช้งานได้นาน ทนแดด ให้สัมผัสนุ่ม ดูเหมือนหญ้าจริง ราคาตารางเมตรละ 1,000 บาทขึ้นไป ถ้าคุณภาพด้อยกว่านี้ก็เริ่มที่ 400 บาท ซึ่งมักจะไม่รวมค่าติดตั้ง

ข้อดี–ข้อเสียของหญ้าเทียม

ข้อดี : ประหยัดค่าน้ำ ประหยัดเงินและเวลา เพราะเราไม่ต้องคอยตัดหญ้า ใส่ปุ๋ย และที่สำคัญไม่ต้องรดน้ำจึงไม่เปลืองน้ำ โดยเฉพาะหน้าแล้งแบบนี้ก็ยิ่งเหมาะเลย อายุใช้งานนาน ทั่วไปจะมีอายุการใช้งานนาน 6-8 ปี ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ปูหญ้าและการดูแลรักษา มีแบบหลายแบบ เดี๋ยวนี้มีการพัฒนาหญ้าเทียมให้หลากหลาย ทั้งหญ้าขนสั้น ขนยาว หญ้า 2 สี 3 สี หญ้าสำหรับสนามฟุตบอลหรือสำหรับสวนหย่อมในบ้าน ไปจนถึงหญ้าตีนเป็ดและหญ้าเทียมแซมดอกไม้ใช้ตกแต่งผนังได้

ข้อเสีย : สัมผัสปลอมๆ ถึงแม้หญ้าเทียมจะมีรูปร่างสีสันที่ดูเหมือนหญ้าจริงมาก แต่ของปลอมก็คือของปลอม เพราะยังไงก็ไม่ได้สัมผัสเหมือนหญ้าจริงๆ อยู่ดี ลงทุนสูงกว่า แน่นอนว่าหญ้าเทียมอาจต้องจ่ายแพงกว่า แต่เมื่อคิดถึงค่าจัดการดูแลรักษาและความคงทนในระยะยาวแล้วคุ้มค่ากว่าการปูหญ้าจริง

บรรยากาศเดิมๆ หญ้าจริงจะเปลี่ยนสีสันไปตามธรรมชาติ เหลืองบ้าง เขียวบ้างน่ามองกว่า แต่สีของหญ้าเทียมคงทนเป็นสีเดิม บรรยากาศจึงดูเหมือนเดิมทุกวัน และพอฝนตกก็ไม่มีกลิ่นหอมๆ ของดินด้วย

การดูแลหญ้าเทียมขึ้นอยู่กับการใช้งาน ปกติแค่แปรงหญ้าสัปดาห์ละครั้งก็พอ สามารถใช้ไม้กวาดปัดกวาดเศษขยะได้ตามปกติ หรือใช้ เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดได้ ถ้าเปื้อนสามารถล้างทำความสะอาดได้ โดยใช้สายยางฉีดน้ำล้างได้เลย หรือใช้น้ำ ผสมน้ำสบู่อ่อนกับแปรงขนนุ่มทำความสะอาด เพราะด้านหลัง ของแผ่นหญ้ามีรูระบายน้ำอยู่ แต่ไม่ควรใช้ผงซักฟอก หรือน้ำยาที่มีฤทธ์แรงจะทำให้หญ้าซีด ถ้าหญ้าหลุดออกจากกันใช้กาวร้อนติดได้ สิ่งสำคัญต้องระวังอย่าทิ้งหมากฝรั่งและบุหรี่ลงบนหญ้าเทียม http://ปูหญ้าเทียม.com

รีวิว Commerce สุดยอด – Best of Open Source E-Commerce

บริษัท ที่อยู่เบื้องหลังโครงการนี้คือ 4-eck.net ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโอเพนซอร์ส พวกเขาได้สร้างรถเข็นช็อปปิ้งที่มีคุณสมบัติมากมายออกจากกล่องและวีโอไอพีพาณิชย์กลายเป็นรถเข็นชั้นนำสำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซโอเพนซอร์ส ฉันเพิ่งตรวจสอบการเขียน Zen Cart เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียและหากคุณยังไม่ได้อ่านบทวิจารณ์ฉันขอแนะนำให้คุณลองใช้เป็นการเปรียบเทียบ

ภาพรวมของการค้าสุดยอด

ณ วันที่เขียนบทวิจารณ์นี้ฉันได้ทดสอบเวอร์ชัน Magento Commerce 1.3.1 แล้ว เป็นหนึ่งในโซลูชั่นอีคอมเมิร์ซโอเพนซอร์สล่าสุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดที่ฉันได้พบ คุณลักษณะเหล่านี้คือคุณลักษณะบางอย่างที่คุณจะพบภายในกล่อง:

* โปรโมชั่นการตลาดและเครื่องมือ
* Analytics และรายงาน
* Search Engine Optimization
* การจัดการเว็บไซต์
* การบริหารจัดการแคตตาล็อก
* แคตตาล็อก Browsing
* Browsing สินค้า
* พาณิชย์มือถือ
* การสนับสนุนระหว่างประเทศ
* กร้า
* การจัดส่งสินค้า
การชำระเงิน *
* * * * บริการลูกค้า
* บัญชีลูกค้า
* การจัดการสั่งซื้อ

แทนที่จะให้เขียนประโยชน์ของการค้ากับวีโอไอพีที่มีเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ของพวกเขาคุณสามารถอ่านเพิ่มเติมและลองสาธิตของพวกเขาในเว็บไซต์ของพวกเขา

ข้อดีของการค้าวีโอไอพี

รูปแบบที่สะอาดและทันสมัย

สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของฉันคือความทันสมัยและความทันสมัยของเทมเพลตมาตรฐาน มันเรียบและสะอาดซึ่งคุณจะพบได้ทั่วทั้งกระดานทั้งด้านหน้าและภายในส่วนการบริหาร

การผสานรวมเลย์เอาต์ธีมและ Add-on ได้ง่าย

สิ่งที่สวยงามจริงๆที่ฉันชอบเกี่ยวกับ Magento Commerce คือการติดตั้งเค้าโครงและ Add-on ได้ง่ายเพียงใด เมื่อเปรียบเทียบกับโซลูชันอีคอมเมิร์ซโอเพนซอร์สอื่น ๆ เช่น OsCommerce และ Zencart จะไม่ซับซ้อนและไม่จำเป็นต้องให้เจ้าของร้านมีประสบการณ์ในการเขียนโปรแกรมก่อน หากคุณเคยใช้ WordPress ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างบล็อกยอดนิยมคุณจะเห็นโครงสร้างร้านค้าของ Magento ค่อนข้างคล้ายกับที่ดึงดูดความสนใจและใช้งานได้ง่าย ผมเชื่อว่าวีโอไอพีมีเป้าหมายเพื่อสร้างโซลูชันที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพสำหรับเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

มีเกตเวย์การชำระเงินมากกว่า 50 แห่งสำหรับการรวมระบบ

ฉันได้ยินมาว่าเจ้าของร้านค้าจำนวนมากเสียยอดขายเนื่องจากไม่สามารถเสนอโซลูชันการชำระเงินให้กับลูกค้าของตนได้หรือต้องเปลี่ยนเกตเวย์การชำระเงินเนื่องจากโซลูชันอีคอมเมิร์ซของพวกเขาไม่สามารถใช้งานร่วมกับผู้ให้บริการเดิมได้ ด้วยการค้าเยี่ยมวีโอไอพีคุณสามารถพักผ่อนได้อย่างสะดวกสบายไม่ว่าจะเป็นเกตเวย์การชำระเงินใดก็ตามที่คุณมีน่าจะเหมาะสำหรับคุณ

คุณสามารถจัดการหลายร้านค้าจากแผงการดูแลหนึ่งและแคตตาล็อกผลิตภัณฑ์

นี่เป็นตัวเลือกขั้นสูงที่พร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจที่มีร้านอีคอมเมิร์ซหลายแห่ง สมมติว่าคุณมีร้านกล้องถ่ายรูปและร้านหนังสือ ในกรณีส่วนใหญ่คุณจะต้องติดตั้งสองระบบแยกต่างหากและเข้าสู่ระบบแยกกันเพื่อจัดการร้านค้า ด้วยการค้าขายด้วยวีโอไอพีคุณสามารถตั้งค่าทั้งหมดภายในระบบเดียวและจัดการยอดขายทั้งหมดของคุณจากการบริหารงานเดียวซึ่งยังคงให้ความยืดหยุ่นในการจัดเก็บอีกสองแห่ง ประหยัดเวลาและทรัพยากรเพิ่มเติม แต่ช่วยให้คุณสามารถติดตามและติดตามยอดขายได้ภายในที่เดียว

ตัวเลือกในการขายที่ชำระเงิน

การมีตัวเลือกนี้เพียงอย่างเดียวจะช่วยเพิ่มผลกำไรของคุณได้อย่างมาก การขายที่เพิ่มขึ้นตามที่ได้กล่าวไว้ในโพสต์ก่อนหน้านี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลกำไรของคุณจากลูกค้าที่มีอยู่เดิมโดยเสนอโปรโมชั่นหรือผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม การทำเช่นนี้อาจทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้นสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณและโดยอัตโนมัติคุณมีพนักงานขายที่เงียบทำเงินให้คุณ

ความสามารถในการซูมภาพผลิตภัณฑ์ในตัว

บางครั้งในฐานะลูกค้าฉันมักจะต้องการเห็นรายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มากขึ้น แต่น่าเสียดายที่ไซต์อีคอมเมิร์ซไม่ได้มีความสามารถในการแสดงหรืออนุญาตให้คุณซูมเข้าไปในผลิตภัณฑ์ ขณะนี้ Magento Commerce มีตัวเลือกดังกล่าวอยู่ภายในและช่วยให้คุณสามารถอัปโหลดภาพความละเอียดสูงเพื่อให้ลูกค้าสามารถซูมเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ได้ในขณะที่กำลังเรียกดูอยู่ นึกว่าจะส่งผลต่อยอดขายและเพิ่ม Conversion ของคุณอย่างไร

นี่เป็นเพียงบางส่วนของข้อดีที่ฉันได้พบกับการค้าวีโอไอพีและฉันเชื่อว่าฉันสามารถเขียนหนังสือทั้งเล่มเกี่ยวกับวิธีการที่ดีซอฟต์แวร์นี้

ข้อเสียของการค้าสุดหรู

เนื่องจากวีโอไอพีพาณิชย์ยังค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซโอเพนซอร์สอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาด แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องเริ่มต้นอยู่ ต่อไปนี้คือบางประเด็นที่ยังคงมีอยู่:

เวลาในการทำงานและการตอบสนองจะช้า

ขึ้นอยู่กับเซิร์ฟเวอร์โฮสติ้งที่คุณใช้สำหรับวีโอไอพีพาณิชย์คุณอาจพบการโหลดหน้าเว็บที่ช้าลงและเวลาตอบสนองกับผู้ให้บริการโฮสติ้งที่ใช้ร่วมกัน การค้าปลีกแบบวีโอไอพีเป็นเนื้อหาที่หลากหลายไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการทำงานและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของคุณจะขึ้นอยู่กับเซิร์ฟเวอร์ที่คุณใช้ ดังนั้นการเลือกเซิร์ฟเวอร์ทุ่มเทและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่คุณต้องคิดอย่างถี่ถ้วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำธุรกรรมหลายร้อยรายการต่อวัน มีผู้ให้บริการโฮสติ้งมากมายที่พวกเขาแนะนำและคุณสามารถดูวีโอไอพีที่เป็นพันธมิตรด้านโฮสติ้ง

เหมาะสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซใหม่ แต่ไม่ดีสำหรับธุรกิจที่มีอยู่!

จนถึงปัจจุบันฉันยังไม่พบโซลูชันหรืออรรถประโยชน์การนำเข้าที่อนุญาตให้ นำเข้าข้อมูลจากโอเพนซอร์สอื่น ๆ เช่น OsCommerce, Zencart และ Xcart นี่เป็นคำถามสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีอยู่เพื่อพิจารณาว่าจะเปลี่ยนไปใช้ระบบนี้หรือไม่ หากมีการเพิ่มส่วนแบ่งสำหรับการนำเข้าธุรกิจอื่น ๆ ก็จะเปลี่ยนเป็นวีโอไอพีพาณิชย์